เนปาล สั่งแบนนักปีนเขาชาวอินเดียสองคน หลังพบว่าพวกเขา หลอกพิชิตเอเวอเรสต์ ด้วยการใช้ภาพและเอกสารปลอม เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ สำนักข่าว BBC รายงานว่า กระทรวงการท่องเที่ยวของเนปาลได้สั่งแบน นักปีนเขาชาวอินเดีย 2 คน และหัวหน้าทีม เป็นระยะเวลา 6 ปี พร้อมริบใบรับรองว่าพวกเขาสามารถพิชิตยออดเขาเอเวอเรสต์ หลังจากที่ทางการตรวจพบว่านักปีนเขาชาวอินเดียสองคนไม่ได้ขึ้นถึงยอดเขาได้จริง
โดยทางการเนปาลให้สัมภาษณ์ว่าพวกเขาได้ทำการสอบสวนพร้อมกับนักปีนเขาคนอื่นๆ
และพบว่านักปีนเขาสองคนไม่ได้ขึ้นถึงยอดเขาจริงอย่างที่กล่าวอ้าง พร้อมระบุว่าเอกสารและรูปภาพที่นักปีนเขาทั้งสองยื่นเข้ามาเป็นเอกสารและรูปภาพปลอมเพื่อใช้ตบตาทางการเนปาล ยอดเขาเอเวอเรตส์มีความสูงกว่าเกือบ 9,000 เมตร และถือเป็นเป้าหมายของนักปีนเขาหลายคนทั่วโลก ซึ่งผู้ที่สามารถพิชิตเขาสำเร็จจะสามารถต่อยอดอาชีพของพวกเขาด้วยการเป็นนักเขียนหรือนักพูดสร้างแรงบันดาลใจได้
อย่างไรก็ดีนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เพราะหากย้อนกลับไปในปี 2559 ทางการอินเดียได้พบว่านักปีนเขาชาวอินเดียสองคนได้ทำการปลอมแปลงรูปภาพการขึ้นเขาเอเวอเรสต์
PETA ส่งจดหมายถึงนาย อนุทิน ให้แบนการถ่ายรูปคู่สัตว์หายากในสวนสัตว์ หวั่นโควิดกลายพันธุ์และระบาดหนัก องค์กรพิทักษ์สัตว์ PETA ได้ส่งจดหมายไปยังนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขและรองนายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้สั่งระงับการถ่ายรูปคู่กับสัตว์หายาก ภายในสวนสัตว์ เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
โดยทางองค์กรได้ระบุว่ามีการพบสัตว์ติดเชื้อโควิดจากมนุษย์ในหลายพื้นที่ พร้อมหยิบยกตัวอย่างว่ามีสัตว์จากในสวนสัตว์ประเทศสหรัฐอเมริกา และ สเปนที่พบสัตว์ป่วยเป็นโรคโควิด-19 พร้อมแสดงความกังวลว่าหากสัตว์ติดเชื้ออาจจะทำให้เกิดโควิดกลายพันธุ์ชนิดใหม่ที่เป็นอันตรายกว่าในปัจจุบันได้
ซึ่ง PETA ระบุอีกว่าพวกเขาได้ติดต่อสวนสัตว๋หลายแห่งในประเทศไทย เพื่อสอบถามว่าสวนสัตว์อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าใกล้กับสัตว์หรือไม่ และทาง PETA ชี้ว่าทางสวนสัตว์อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าใกล้กับสัตว์จริง และเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดระลอกใหม่
ในขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าโรคโควิดสามารถแพร่ระบาดจาก สัตว์ สู่ มนุษย์ ได้หรือไม่ อย่างไรก็ตามมีหลักฐานยืนยันแน่ชัดแล้วว่า สัตว์ สามารถติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 จากมนุษย์ได้
ไบเดน ออกมาประกาศว่า สหรัฐฯ คว่ำบาตร เมียนมา หลังเหตุรัฐประหาร เรียกร้องปล่อยตัว อองซานซูจี และ อดีตนายกฯ ที่ถูกควบคุมตัว
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ สำนักข่าว ชาแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า นาย โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้ออกมาประกาศคว่ำบาตรกองทัพเมียนมา หลังก่อเหตุรัฐประหารและจับกุมตัวนาง อองซานซูจี และ นาย วิน มินต์ อดีตประธานาธิบดีเมียนมา เมื่อช่วงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
โดยนายไบเดน ได้กล่าวว่าเขาได้สั่งตัดไม่ให้ทหารระดับสูงในกองทัพเมียนมาสามารถเข้าถึงสินทรัพย์มูลค่าเกือบ 30 หมื่นล้านบาท พร้อมยืนยันว่าทางการสหรัฐฯกำลังหารือเพิ่มเติมเพื่อสั่งใช้มาตรการคว่ำบาตรฉบับใหม่อีกด้วย
ผู้นำสหรัฐฯเรียกร้องให้กองทัพเมียนมาปล่อยตัวนาง อองซานซูจี และ นาย วินมินต์ รวมถึงผู้ชุมนุมคนอื่นๆที่ถูกกองทัพจับกุม พร้อมสั่งให้กองทัพต้องสละอำนาจ
แอฟริกาใต้ ล้มแผนฉีดวัคซีน แอสตราเซเนกา
แอฟริกาใต้ ประกาศ ล้มแผนฉีดวัคซีน แอสตราเซเนกา ในสัปดาห์หน้า เตรียมสลับมาใช้วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันในสัปดาห์หน้าแทน เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ สำนักข่าว อัลจาซีรา รายงานว่า ทางการแอฟริกาใต้ได้ล้มเลิกแผนที่จะฉีดวัคซีน แอสตราเซเนกา วัคซีนต้านโควิด ในสัปดาห์หน้า หลังจากผลวิจัยแสดงออกมาว่า วัคซีนชนิดดังกล่าวมีประสิทธิที่น้อยนิดกับโควิดกลายพันธ์เชื้อสายแอฟริกาใต้ที่แพร่ระบาดในประเทศอย่างหนัก
นายซเวลี เอ็มคีเซ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขในประเทศแอฟริกาใต้ได้กล่าวว่าทางการจะฉีดวัคซีนจากบริษัท จอห์นสันแอนด์จอห์นสันกับให้กับแพทย์แถวหน้าแทน อย่างไรก็ตามวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันยังอยู่ในช่วงทดลองระดับประเทศ และยังไม่มีชาติใดอนุมัติวัคซีนดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายเอ็มคีเซ มั่นใจว่าวัคซีนชนิดนี้ปลอดภัย โดยวัดจากผลทดลองกับอาสาสมัคร 44,000 คนในประเทศแอฟริกาใต้ สหรัฐอเมริกา และแถบลาตินอเมริกา พร้อมชี้ว่าวัคซีนชนิดนี้สามารถใช้ได้ผลดีกับโควิดกลายพันธุ์เชื้อสายแอฟริกาใต้ คาดว่าหลังจากนี้ทางการแอฟริกาใต้น่าจะใช้วัคซีน ไฟเซอร์, สปุตนิก ไฟว์ และ ซิโนฟาร์ม ในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 ต่อไปในอนาคต
ซึ่งประเทศสหรัฐอเมริกาไม่ใช่ชาติแรกที่ใช้มาตรการกดดันทางการเมียนมา เพราะก่อนหน้านี้ นาง จาซินดา อาเดิร์น นายกรัฐมนตรีหญิงของนิวซีแลนด์ก็ได้ประกาศตัดความสัมพันธ์กับเมียนมาเช่นกัน
สถานการณ์การชุมนุมยังคงร้อนระอุอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ชุมนุมจำนวนมากยังคงออกมาชุมนุมในเมืองต่างๆเพื่อกดดันให้กองทัพคืนอำนาจให้ประชาชน ซึ่งจากการชุมนุมครั้งนี้ทำให้เจ้าหน้าที่ได้ใช้แก๊สน้ำตา ยิงกระสุนยาง และฉีดน้ำเพื่อสลายการชุมนุม
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าผู้ชุมนุมถูกกระสุนยิงสองราย ซึ่งหนึ่งในผู้ชุมนุมที่ถูกกระสุนยิงจริงที่ศีรษะได้รับบาดเจ็บสาหัส
แนะนำ : ดูดวงไพ่ยิปซี | รีวิวที่พัก | รีวิวคาเฟ่ | วิธีลดน้ำหนัก | รีวิวอนิเมะ ญี่ปุ่น